ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอน ทำไมต้องทำรากฟันเทียม?
รากฟันเทียม ฟันหายหรือฟันถูกถอน ทำไมต้องทำ และเหมาะกับใคร?
"ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอน" ไม่เพียงส่งผลต่อความมั่นใจและรอยยิ้ม แต่ยังกระทบต่อการบดเคี้ยว การออกเสียง และโครงสร้างใบหน้า การทดแทนฟันที่หายหรือถูกถอนไปจึงเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ "รากฟันเทียม" เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะให้ทั้งความแข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟันเทียมถาวรและไม่สะดวกใช้ฟันปลอมแบบถอดได้
การทำรากฟันเทียมช่วยป้องกันฟันข้างเคียงล้ม ลดการยุบตัวของกระดูกขากรรไกร และรักษาโครงสร้างใบหน้าให้สวยงาม การเข้าใจประเภท ขั้นตอน และข้อดีของรากฟันเทียมจะช่วยให้ผู้ป่วยที่เผชิญภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอนตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอนคืออะไร และส่งผลอย่างไร?
"ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอน" คือการสูญเสียฟันหนึ่งซี่หรือหลายซี่ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุรุนแรง โรคเหงือก ฟันหัก อุบัติเหตุ หรือฟันหายแต่กำเนิด ซึ่งอาจเป็นกรรมพันธุ์ การสูญเสียฟันไม่เพียงแต่กระทบความสวยงามของรอยยิ้ม แต่ยังส่งผลต่อการบดเคี้ยว การออกเสียง และสุขภาพช่องปากโดยรวม
ข้อมูลสถิติในประเทศไทย
- จากงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าในคนไทย 100 คน จะมีผู้ที่มีภาวะฟันหาย 9 คน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของต่างชาติ
- การศึกษาอัตราการเกิดภาวะฟันหายในผู้ป่วยไทย พบว่ามีความผิดปกติของยีนซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
แหล่งอ้างอิง: https://www.chula.ac.th/highlight/75221/?utm_source=chatgpt.com
ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอนส่งผลกระทบอย่างไร?
- การบดเคี้ยวลดลง ทำให้เกิดปัญหาทางระบบย่อยอาหาร
- ฟันข้างเคียงล้มและเคลื่อนตัว
- การออกเสียงผิดปกติ
- กระดูกขากรรไกรยุบตัว ส่งผลต่อโครงสร้างใบหน้า
- บุคลิกภาพและรอยยิ้มเปลี่ยนไป
- ทำให้โครงสร้างหน้าและการสบฟันไม่สมดุลย์ อาจมีใบหน้าเบี้ยว หรือเส้นกึ่งกลางใบหน้าระหว่างฟันกระต่ายบนและล่างไม่ตรงกัน ทำให้ดูหน้าบิดเบี้ยว
รากฟันเทียมคืออะไร?
รากฟันเทียม (Dental Implant) คือโครงสร้างทดแทนรากฟันที่สูญเสียไป ทำจากวัสดุไททาเนียมหรือซิเนียม สามารถฝังลงในกระดูกขากรรไกรเพื่อรองรับฟันเทียม ช่วยให้การบดเคี้ยวและการใช้งานใกล้เคียงฟันธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะฟันหายหรือถูกถอนไป และต้องการใส่ฟันทดแทนที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด โดยไม่มีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อทำสะพานฟันติดแน่น หรือผู้ที่ไม่ต้องการใส่ฟันปลอมถอดได้ หรือไม่สามารถใส่ฟันปลอมถอดได้ เพราะรำคาญ เห็นตะขอ ทำให้เสียบุคลิกภาพ
รากฟันเทียมประกอบด้วยอะไรบ้าง?
1. ตัวรากฟันเทียม (Implant Fixture)
ทำจากวัสดุไทเทเนียม ฝังลงในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เหมือนรากฟันธรรมชาติ
2. ฟันหลัก (Abutment)
ส่วนที่ต่อกับรากเทียมที่ฝังในกระดูก เพื่อใช้เป็นหลักยึดของครอบฟันติดแน่น หรือฟันปลอมถอดได้บนรากเทียม โดยฟันหลัก (Abutment) มีทั้งแบบโลหะ ไทเทเนียม (Titanium) และสีขาวที่เรียกว่าเซอร์โคเนีย ( Zirconia)
3. ครอบฟัน (Crown)
ฟันเทียมที่ใช้บดเคี้ยว และปรับรูปลักษณ์ให้เหมือนฟันธรรมชาติ
4. สกรู (Abutment Screw)
คือสกรูเล็ก ๆ ที่ใช้ยึดข้อ 1และ 2 เข้าด้วยกันให้แน่น
รากฟันเทียมมีกี่แบบ?
1. Single Implant Supported Single Crown
คือรากฟันเทียม 1 ซี่ รองรับครอบฟัน 1 ซี่ (1:1) อาจฝังหลายซี่ในกรณีฟันหายหลายซี่ แต่จะฝังจำนวนรากเทียมเท่ากับจำนวนฟันที่หายหรือถูกถอนไป
2. Multiple Implant Supported Bridge
กรณีฟันหายหรือฟันถูกถอนหลายซี่ แต่การฝังรากเทียมน้อยกว่าจำนวนฟันที่หาย จึงต้องใส่ครอบฟันเป็นลักษณะสะพานฟัน (Bridge) เท่าจำนวนฟันที่หาย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายหรือกระดูกไม่เพียงพอในการฝังแบบ 1:1 ตามข้อ 1
3. Implant Supported Overdenture or Removable Denture
คือรากเทียมที่รองรับฟันปลอมคร่อมทับ (Overdenture) หรือฟันปลอมถอดได้ (Removable Denture) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายหรือคนไข้ไม่ต้องการผ่าตัดที่มากเกินไป เนื่องจากกลัว อายุมาก หรือมีปัญหาสุขภาพ หรือกระดูกหายไปเยอะ จะเป็นต้องทำฟันปลอมแบบมีฐานเหงือกเพื่อเสริมเหงือกให้สวยงามเป็นธรรมชาติ
ในปัจจุบันมีการฝังรากเทียม 4 - 6 ตัว เพื่อรองรับฟันปลอมทั้งปากแบบ 2 หรือ 3 เรียกว่า All on4 or All on6
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม
1. ตรวจประเมินฟันและกระดูก
ก่อนเริ่มการรักษา ทันตแพทย์จะทำการตรวจประเมินช่องปากอย่างละเอียด รวมถึงตรวจความแข็งแรงและความหนาของกระดูกขากรรไกร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของรากฟันเทียม นอกจากนี้ยังตรวจสุขภาพเหงือกและฟันข้างเคียง เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือปัญหาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการฝังรากฟันเทียม
2. วางแผนการรักษา พิมพ์ปากเพื่อการวิเคราะห์ และออกแบบรากฟันเทียม
ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องมีการพิมพ์ปากเพื่อเป็นแบบจำลองในการวิเคราะห์ชนิดรากเทียม การ X-ray รวมทั้ง การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การถ่ายภาพ X-ray CT Scan แบบ 3 มิติ ที่เรียกว่า CBCT เพื่อให้การวางแผนที่แม่นยำ และการวางแผนโดยใช้ ซอฟแวร์จำลองตำแหน่งรากเทียมและฟันปลอมบนรากเทียม กำหนดมุมเอียง ความลึก และตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการรองรับฟันเทียม เพื่อให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติสูงสุด
3. ฝังรากฟันเทียมลงในกระดูกขากรรไกร
การฝังรากฟันเทียมดำเนินการโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้การระงับความรู้สึกหรือฉีดยาชาเฉพาะจุด การฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกรเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำสูงเพื่อให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกได้ดีและสามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้
4. รอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก (Osseointegration)
หลังจากฝังรากฟันเทียมแล้ว จะมีช่วงเวลารอให้รากยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ซึ่งเรียกว่า Osseointegration กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความหนาของกระดูก การรอเวลานี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงและยืดอายุการใช้งานของรากฟันเทียม
5. ติดตั้ง Abutment และครอบฟัน
ยึด Abutment ที่ทำหน้าที่เป็นหลักยึดของฟันปลอม และฟันปลอมไม่ว่าจะเป็นครอบฟันหรือฟันปลอมถอดได้ เข้ากับรากเทียมส่วนของสกรูที่อยู่ในยึดกับกระดูก (Implant Fixture)
6. ติดตามผลและตรวจเช็คความเรียบร้อย
หลังการติดตั้งครอบฟัน ทันตแพทย์จะนัดติดตามผลเป็นระยะ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของรากฟันเทียม การบดเคี้ยว และสุขภาพเหงือก นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษา เพื่อให้รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานยาวนานและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
รากฟันเทียมเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ไม่สามารถใส่ฟันปลอมได้ เนื่องจากรำคาญ ใส่แล้วอาเจียน
- ผู้ที่ต้องการฟันปลอมแบบติดแน่นเท่านั้น
- ผู้ที่ถอนฟันไปแล้วทั้งปาก และมีกระดูกไม่เพียงพอในการยึดฟันปลอมถอดได้ ใส่ฟันปลอมถอดได้แล้วไม่แน่น หลวม หลุด ต้องใช้รากเทียมช่วยยึด (Implant Supported Overdenture)
- ผู้ที่มีกระดูกเพียงพอในการฝังรากเทียม หรือกระดูกน้อยแต่ยังสามารถฝังได้ โดยร่วมกับการปลูกกระดูก
- ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ความดันสูงที่ควบคุมไม่ได้
- ผู้ที่ผ่าตัดขากรรไกรจากเนื้องอกหรือมะเร็ง
การแก้ไข "ภาวะฟันหายหรือฟันถูกถอน" ด้วย "รากฟันเทียม (Dental Implant)" เป็นทางเลือกที่ช่วยคืนรอยยิ้มและความมั่นใจ พร้อมฟังก์ชันการบดเคี้ยวใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟันแข็งแรงและใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังป้องกันฟันข้างเคียงล้มและรักษาโครงสร้างใบหน้าให้สมบูรณ์
ที่ Siam Dental Clinic ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียม พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลทุกขั้นตอน ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและมาตรฐานการรักษาสากล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัย สวยงาม และยั่งยืน สนใจปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับ รากฟันเทียม ติดต่อ Siam Dental Clinic