แชร์

ครบเครื่องเรื่องฟันผุ: สาเหตุ ป้องกัน รักษา พร้อมวิธีรับมือ

อัพเดทล่าสุด: 30 ก.ย. 2025
51 ผู้เข้าชม

ทำไม "ฟันผุ" ถึงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกปัญหาช่องปาก?

ในบรรดาปัญหาสุขภาพช่องปากที่ทุกคนกังวล ไม่ว่าจะเป็น ปวดฟัน ฟันเหลือง หรือฟันเสีย รู้หรือไม่ว่าเกือบทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากวายร้ายตัวจิ๋วที่ชื่อว่า "ฟันผุ"

หลายคนมัวแต่กังวลเรื่องความสวยงามของฟัน แต่กลับมองข้าม "ฟันผุ" ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่พบได้บ่อยที่สุดในโลก และที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่ป้องกันได้! บทความนี้จะอธิบายทุกอย่างที่คุณต้องรู้ ด้วยข้อมูลทันสมัยที่เข้าใจง่าย



หัวข้อที่น่าสนใจ

1. ทำความเข้าใจ "สงครามในช่องปาก" แท้จริงแล้วฟันผุเกิดจากอะไร?

2. เมื่อไหร่ที่เกิดฟันผุ?

3. รวม 4 ปัจจัยหลักที่เร่งให้เกิด "ฟันผุ"

4. ฟันผุ ปวดฟัน ฟันเหลือง ฟันเสีย เกี่ยวกันอย่างไร?

5. วิธีดูแลป้องกันฟันผุพร้อมเสริมความแข็งแรงให้ฟัน

6. แนวทางการรักษาเมื่อ "ฟันผุ" แล้ว

7. สรุปประเด็นสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจ ถ้าไม่อยาก "ฟันผุ"

8. ปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปากที่ คลินิกทันตกรรมสยาม (Siam Dental Clinic)

 

ทำความเข้าใจ "สงครามในช่องปาก" แท้จริงแล้วฟันผุเกิดจากอะไร?

"ฟันผุไม่ใช่แค่การเกิดรู" แต่เป็นผลลัพธ์ของสมดุลที่พังทลายระหว่าง 2 กระบวนการ:

1. การสูญเสียแร่ธาตุ (Demineralization):

เมื่อเรากินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล แบคทีเรียในคราบจุลินทรีย์ (ไบโอฟิล์ม) จะกินน้ำตาลแล้วปล่อย "กรด" ออกมาทำลายผิวฟัน

2. การคืนแร่ธาตุ (Remineralization):

น้ำลายและการเคลือบฟลูออไรด์จะช่วยซ่อมแซมผิวฟันที่โดนกรดทำลายในระยะเริ่มต้น

 

เมื่อไหร่ที่เกิดฟันผุ?

เมื่อฝ่าย "สูญเสียแร่ธาตุ" ชนะติดต่อกันบ่อยๆ โครงสร้างฟันจะถูกทำลายจนกลายเป็น "ฟันผุ" ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้เองอีกต่อไป นี่คือเหตุผลว่าทำไมการป้องกันและตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญที่สุด

 

รวม 4 ปัจจัยหลักที่เร่งให้เกิด "ฟันผุ"

1. น้ำตาลและความถี่:

"ความถี่" ในการกิน/จิบเครื่องดื่มหวานๆ สำคัญกว่าปริมาณในครั้งเดียว เพราะทุกครั้งที่น้ำตาลเข้าปาก ช่องปากจะเป็นกรดนาน 20-40 นาที องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้จำกัดน้ำตาล <10% ของพลังงานต่อวัน (ดีที่สุดคือ <5% หรือประมาณ 6 ช้อนชา)

2. คราบจุลินทรีย์:

การแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้คราบแบคทีเรียเกาะแน่นและสร้างกรดได้ต่อเนื่อง

3. ฟลูออไรด์ไม่เพียงพอ:

การเคลือบฟลูออไรด์คือ "ฮีโร่" ที่ช่วยจะช่วยป้องกันฟันผุ เพราะฟลูออไร์จะแทรกซึมเขาผิวฟัน ทำให้ผิวฟันเปลี่ยนจาก Hydroxyapatite เป็น Fluoroapatite ซึ่งแข็งแรงกว่า ผุยากกว่า

4.ปัจจัยส่วนบุคคล:

ปริมาณน้ำลายน้อยจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ เพราะน้ำลายจะมีสารบัฟเฟอร์ที่ช่วยลดความเป็นกรดในช่องปาก ถ้าน้ำลายน้อยจะทำให้เสี่ยงต่อฟันผุสูง

สาเหตุของน้ำลายน้อย

1. น้ำลายน้อยโดยธรรมชาติของแต่ละบุคคล 

2. น้ำลายน้อยจากการฉายรังสีบริเวณช่องปากและใบหน้า การได้รับยา Chemotherapy เพื่อรักษามะเร็ง

3. การผ่าตัดต่อมน้ำลายจากเนื้องอกหรือมะเร็ง

4. ดื่มน้ำน้อยไป

ปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปาก ที่ Siam Dental Clinic

 

ฟันผุ ปวดฟัน ฟันเหลือง ฟันเสีย เกี่ยวกันอย่างไร?

  • ปวดฟัน: เมื่อรูผุลึกลงไปถึงชั้นเนื้อฟันและใกล้โพรงประสาท จะเริ่มมีอาการเสียวฟัน แต่ถ้าทะลุถึงโพรงประสาทที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาท จะเกิดการอักเสบติดเชื้อ ทำให้ปวดฟัน หรืออาจไม่ปวด แต่โพรงประสาทฟันค่อย ๆ ตายไป และติดเชื้อเป็นหนอง
  • ฟันเหลือง: ฟันผุทำให้เคลือบฟันบางลงจนเห็นสีเหลืองของเนื้อฟันชัดขึ้น นอกจากนี้ คราบสกปรกที่เกาะตามรอยผุยังทำให้ฟันดูหมองคล้ำ
  • ฟันเสีย: เมื่อฟันผุหนักจนโครงสร้างฟันเหลือน้อย ฟันจะเปราะ แตกหักง่าย จนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ อาจต้องรักษาด้วยการครอบฟัน หรือถอนในที่สุด

 

วิธีดูแลป้องกันฟันผุพร้อมเสริมความแข็งแรงให้ฟัน

1. ฟลูออไรด์ อาวุธสำคัญที่สุด

  • ยาสีฟัน: ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1,000-1,500 ppm แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง หลังแปรงให้บ้วนน้ำแต่น้อย หรือแค่ถ่มฟองออก เพื่อให้การฟลูออไรด์เคลือบฟันนานขึ้น
  • ฟลูออไรด์วานิช: สำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง (โดยเฉพาะเด็กเล็ก) ทันตแพทย์จะแนะนำให้พบทันตแพทย์เคลือบฟลูออไรด์เจล หรือทาฟลูออไรด์วานิชหลังขัดฟัน และใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของฟลูอออไรด์ ปัจจุบันมียาสีฟันที่ป้องกันฟันผุ ผลิตโดยคณะทันตแพทย์จุฬาฯ โดยนำ Hydroxyapatite มาผสมเป็นส่วนประกอบเพื่อป้องกันฟันผุ เนื่องจาก Hydroxyapatite เป็นโครงสร้างเหมือนผิวฟันและกระดูก จะช่วยส่งเสริมการเกิดการสะสมแคลเซียมเข้าสู่ผิวฟัน ช่วยป้องกันฟันผุ

2. คุมน้ำตาลและความถี่

  • ลดการกินจุบจิบ: เป็นไปได้พยายามงดทานขนมหวาน  หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ถ้าจะทานให้ทานแต่น้อย และทานในมื้ออาหารเลย และใช้เวลาทานไม่เกิน 20 นาที แล้วบ้วนปากหรือแปรงฟันหลังทานทันที 
  • เลี่ยงการจิบตลอดวัน: การจิบชานม กาแฟหวาน หรือน้ำอัดลมไปเรื่อยๆ คือการทำให้ช่องปากเป็นกรดตลอดเวลา เลี่ยงทำให้ฟันผุ
  • อ่านฉลาก: มองหา "น้ำตาลที่เติมเพิ่ม (Added Sugar)" เพื่อควบคุมการบริโภค ลดการเกิดฟันผุ

3. เคลือบหลุมร่องฟัน (Sealants)

  • สำหรับเด็กและวัยรุ่น: เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันฟันผุบริเวณหลุมร่องฟันทั้งฟันหน้าและฟันหลัง แต่ส่วนใหญ่ร่องฟันลึกมักเป็นฟันหลัง ได้แก่ ฟันกรามน้อย และฟันกรามใหญ่ ที่ทำความสะอาดยาก โดยทันตแพทย์จะขัดทำความสะอาดฟัน  และใช้วัสดุเรซินปิดทับไปที่หลุมร่องฟัน เพื่อไม่ให้เศษอาหารและคราบจุลินทรีย์เข้าไปสะสม

4. ซิลเวอร์ไดเอมีนฟลูออไรด์ (SDF)

  • นวัตกรรมสำหรับ "หยุดยั้ง" ฟันผุที่ลุกลามแล้วโดยไม่ต้องกรอฟัน เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ไม่ให้ความร่วมมือ หรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัด
  • ข้อควรรู้: บริเวณที่ทา SDF จะเปลี่ยนเป็นสีดำถาวร

แนวทางการรักษาเมื่อ "ฟันผุ" แล้ว

  • ระยะเริ่มต้น (ยังไม่มีรู): ทันตแพทย์จะเน้นการป้องกันเชิงรุก เช่น การเคลือบฟลูออไรด์เข้มข้น หรือเคลือบร่องฟัน เพื่อหยุดยั้งการเกิดฟันผุ
  • ระยะมีรูผุ: ต้อง "อุดฟัน" ด้วยวัสดุต่างๆ เช่น คอมโพสิต (สีเหมือนฟัน) หรืออะมัลกัม
  • ระยะผุลึกถึงโพรงประสาท: หากมีอาการปวดรุนแรง อาจต้อง "รักษารากฟัน" เพื่อกำจัดเชื้อโรคและรักษาฟันซี่นั้นไว้
  • ระยะผุลุกลามจนติดเชื้อเป็นหนองที่ปลายรากฟัน: ถ้าเนื้อฟันเหลือมากพอ จะต้องทำการรักษาโดยการรักษารากฟัน ถ้ากรณีไม่รักษารากฟัน ต้องถอนฟันเพื่อกำจัดเชื้อโรค
  • ระยะฟันเสียหายรุนแรง (ฟันเสีย): หากฟันผุจนเนื้อฟันเหลือน้อยมาก อาจต้องทำ "ครอบฟัน" หรือหากไม่สามารถเก็บฟันไว้ได้ ก็จำเป็นต้อง "ถอน" และวางแผนใส่ฟันปลอมทดแทน

หัวใจสำคัญ: ต่อให้  "อุดฟัน" หรือ "รักษารากฟัน" ดีแค่ไหน แต่ถ้ายังกินหวานบ่อยและแปรงฟันไม่สะอาดเหมือนเดิม ฟันซี่เดิมหรือซี่ข้างๆ ก็สามารถเกิดฟันผุซ้ำได้อีก

สรุปประเด็นสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจ ถ้าไม่อยาก "ฟันผุ"

  • ฟันผุ คือจุดเริ่มต้นของปัญหาปวดฟันและฟันเสียส่วนใหญ่
  • ความถี่ ในการกินน้ำตาลอันตรายกว่าปริมาณ
  • ฟลูออไรด์ คือหัวใจของการป้องกัน แปรงฟันแล้วบ้วนน้ำน้อยๆ
  • ปวดฟัน คือสัญญาณฉุกเฉิน ต้องรีบพบทันตแพทย์
  • ป้องกัน ดีกว่ารักษาเสมอ อย่ารอให้มีอาการแล้วค่อยไปหาหมอ

การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดคือ "การป้องกัน" อย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ 

 

ปรึกษาปัญหาสุขภาพช่องปากที่ คลินิกทันตกรรมสยาม (Siam Dental Clinic)

หลังจากทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลช่องปากแล้ว หากคุณมีความกังวล ไม่แน่ใจว่าตนเองมีความเสี่ยงฟันผุหรือไม่ หรือกำลังประสบปัญหาปวดฟัน ฟันเหลือง และฟันเสีย การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับแนวทางการรักษาที่ตรงกับสภาพช่องปากของคุณมากที่สุด

ที่ คลินิกทันตกรรมสยาม (Siam Dental Clinic) เรามีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้การดูแลสุขภาพช่องปากของคุณอย่างครบวงจร ตั้งแต่การป้องกันไปจนถึงการรักษาที่ซับซ้อน

อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตและความมั่นใจของคุณ ให้ทีมทันตแพทย์ของเราได้ดูแลรอยยิ้มของคุณ


"ยิ้มสวย มั่นใจ Smile with Confidence"


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ